วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556



อาหารการกินของน้องแมว

 แมวเป็นสัตว์กินเนื้อ
        เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ เป็นนักล่า ดังนั้นอาหารที่คุณจะต้องจัดเตรียมให้แมว จะต้องมีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วนสำหรับแมว (ไม่ใช่สำหรับคน) ถ้าเทียบหมากับแมวแล้ว แมวต้องการโปรตีนสูงว่าหมาเยอะเลย อาหารที่คนทั่วไปรู้จักดีและนิยมให้เจ้าเหมียวกินคือข้าวคลุกปลาทู แต่แทบทั้งนั้นที่ให้ข้าวมากว่าปลาทู ก็แหม...ปลาทูมันก็ไม่ใช่ถูก แมวก็จำต้องกิน ก็มันหิวนี่นา แต่กินไปได้นิดหน่อยก็ไปแล้ว ไม่เอาแล้ว ข้าวก็เหลืออีกบานเบอะ เลยเป็นคำที่เรียกกันว่า กินข้าวเหมือนแมวดม สาเหตุก็เพราะแมวไม่ชอบกินข้าวนั่นเอง
 สาเหตุที่แมวไม่กินอาหาร      อาจเป็นไปได้ว่าอาหารที่คุณเตรียมไว้ให้บูดเสียแล้ว, อาหารเพิ่งออกมาจากตู้เย็นเลย, อาหารเพิ่งทำมาร้อนๆเลย, อาหารกลิ่นแปลกๆไม่เคยกิน รวมถึงความเครียดจากการย้ายที่อยู่ และอีกหลายสาเหตุที่ไม่อาจเดาใจเจ้าเหมียวได้ถูก ถ้าจะว่ากันด้วยเรื่องอุณหภูมิของอาหารแล้ว อาหารที่จะให้ควรมีอุณหภูมิที่พอดี ไม่ร้อน ไม่เย็นจนเกินไป แมวไม่ชอบของร้อน ไม่เหมือนหมา ถ้าหิวร้อนหรือเย็นก็พอกินได้ แต่แมวไม่ใช่ บางทีแมวอาจกินของเย็นได้ในบางโอกาส(แมวที่บ้านกินไอติมได้ด้วย) แมวเป็นนักล่าและกินเหยื่อขณะตัวยังอุ่นๆอยู่ โดยทั่วไปอาหารแมวก็จะมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง ถ้าเอาอาหารออกจากตู้เย็นใหม่ๆ ก็น่าจะทิ้งไว้ซักพักพอคลายความเย็นลงแล้วค่อยให้แมวกิน
 ประเภทของอาหารแมว      อาหารแมวนั้นก็มีอยู่ 3 แบบคือ แบบเจ้าของปรุงเอง แบบอาหารกระป๋อง และแบบอาหารเม็ด อาหารที่เจ้าของปรุงเองนั้นไม่ค่อยสนับสนุนเท่าไหร่ เพราะโดยมากคนเราจะตัดสินโดยเอาตัวเองเป็นเกณฑ์ อาหารอาจจะมีคุณค่าไม่ครบเท่าที่แมวต้องการ บางครั้งการปรุงแต่งรสชาติก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพของแมวด้วย เช่น แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับไตและระบบปัสาวะได้ง่าย หากคุณให้อาหารที่มีรสเค็มหรือมีส่วนผสมของเกลือมากเกินไป ในตอนวัยหนุ่มสาวแมวคุณอาจจะยังแข็งแรงดีอยู่ แต่เมื่อแก่ตัวลงไตจะเสื่อมเร็ว อยากจะแนะนำเป็นอาหารสำเร็จรูปมากกว่า อาหารสำเร็จรูปก็หมายถึงทั้งอาหารกระป๋องและอาหารเม็ดนั่นแหละ
 อาหารกระป๋อง ก็จะเหมือนปลากระป๋องของคนนี่แหละ แต่เค้าปรุงขึ้นมาสำหรับแมว มีทั้งที่เป็นปลา เป็นเนื้อ เป็นไก่ ปลาหมึก ฯลฯ อีกสารพัดที่แมวจะกินได้ อาหารแบบนี้ก็มีการแบ่งเกรด ถ้าเป็นอาาหารแบบถูกหน่อยก็จะหน้าตาไม่ค่อยสวยงาม เหมือนเอาเศษปลาที่เหลือจากทำอาหารคนมาทำ บางทีก็ผสมสีบ้าง แต่ถ้าอาหารแพงขึ้นมาหน่อย วัตถุดิบที่นำมาทำก็จะดีกว่า เมื่อเปิดออกดูแล้วก็จะเห็นความแตกต่าง ซึ่งบางทีอาหารแมวแพงกว่าอาหารคนซะอีก อันนี้ก็คงต้องเลือกเอาตามใจชอบและตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน การให้อาหารกระป๋องมีข้อดีคือแมวชอบ กลิ่นจะยั่วยวนจมูกแมวมาก แต่ข้อเสียคือจะตั้งทิ้งไว้ให้ทั้งวันคงไม่ได้เพราะจะเน่าเสียง่าย ปัญหาเรื่องแมลงก็จะตามมา ต้องหมั่นคอยดูว่าอาหารบูดหรือยัง มีแมลงวันแมลงสาบมารบกวนหรือเปล่า โดยส่วนใหญ่ถ้าให้อาหารแบบนี้จะให้กันเป็นมื้อไป พอกินเสร็จก็เก็บเลย แต่ต้องตั้งน้ำสะอาดทิ้งไว้ให้แมวกินได้ตลอดนะ
 อาหารเม็ด อาหารเม็ดเดี๋ยวนี้ก็มีหลายยี่ห้อที่ทำขึ้นมาแข่งขันกัน ก็มีการแบ่งเกรดอีกเหมือน อาหารเกรดธรรมดาก็หาซื้อได้ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้า ราคาก็จะไม่แพงเท่าอาหารพวกพรีเมี่ยมเกรด บางทีถ้าเราอ่านรายละเอียดของส่วนประกอบในอาหาร อาจพบว่าพอๆกัน แต่เหตุผลที่ราคาต่างกันก็มีหลายอย่าง เช่น อาหารมาจากต่างประเทศหรือผลิตในเมืองไทย วัตถุดิบที่ผลิตอาหาร ซึ่งมักจะเขียนว่าใช้วัตถุดิบคุณภาพดี อันนี้ก็ต้องเดากันเอาเองว่าแบบไหนจะดีกว่ากัน แต่โดยส่วนตัวเดาไว้ก่อนเลยว่าอาหารที่ราคาถูกมากๆก็คงไม่ได้ใช้วัตถุดิบที่ดีอะไรมากมาย ซึ่งเค้าก็ไม่ได้ชี้แจงในรายละเอียดว่าใช้อะไรทำบ้าง กี่ส่วนต่อกี่ส่วน ถ้าอยากพิสูจน์ ก็ลองหาตัวอย่างอาหารมาลองดมดู เรื่องกลิ่นต่างกันแน่นอน แต่จะลองให้แมวกินหรือเปล่าก็ตัดสินใจเอง ที่บ้านก็มีอาหารหลายยี่ห้อที่ให้แมวกิน แต่เป็นอาหารเกรดพรีเมี่ยมทั้งหมด สุขภาพแมวก็ดี ข้อดีของอาหารเม็ดก็คือ คุณค่าสารอาหารจะครบถ้วนกว่า ซึ่งอาหารกระป๋องค่อนข้างจะมีองค์ประกอบของน้ำเยอะ แมวจะอิ่มเร็วแต่สารอาหารจะได้ไม่เท่าอาหารเม็ด อาหารเม็ดตั้งทิ้งให้กินได้ทั้งวัน หรือจะให้เป็นมื้อก็ได้ แล้วแต่ความสะดวก ข้อเสียคือ หากแมวได้กินน้ำน้อยเกินไป อาจไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ดังนั้น ไม่ว่าแมวคุณจะกินอาหารแบบไหน น้ำสะอาดเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องเตรียมไว้ให้แมวกินได้ทั้งวันเสมอ


 ปรับนิสัยแมวให้กินอาหารเม็ด      ถ้าคุณเลี้ยงแมวด้วยอาหารปรุงเองอยู่ให้เริ่มเปลี่ยนมาเป็นให้อาหารกระป๋อง ซึ่งโดยมากมักไม่มีปัญหา แล้วนำอาหารกระป๋องคลุกกับอาหารเม็ด แมวได้กลิ่นอาหารกระป๋องก็จะกินอาหารเม็ดที่เราคลุกไว้ แล้วลดปริมาณอาหารกระป๋องที่เราผสมลงเรื่อยๆ ในเวลาไม่นานแมวก็จะกินอาหารเม็ดได้เอง





ขอขอบคุณรูปภาพจาก...คุณโอปอ
และที่มา...www.cat4love.com



10 อันดับ พันธุ์แมวที่สวยที่สุด




อันดับที่ 10 ได้แก่ แมงซ์ (Manx) แมวไม่มีหาง

อันดับที่ 9 ได้แก่ อเมริกันขนสั้น (อังกฤษ: American Short Hair) พันธุ์อเมริกันขนสั้น
(อังกฤษ: American Short Hair) เป็นแมวที่ถูกนำมาจากยุโรปไปสู่แผ่นดินอเมริกาเหนือ
 เมื่อครั้งมีการโยกย้ายถิ่นฐานของคนยุโรปไปแสวงหาถิ่นที่อยู่ใหม่ แมวถูกนำลงเรือไปเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากมันในการล่าหนูมิให้ทำลายข้าวของซึ่งที่นำไปด้วยนั้นมีหลายตัว และได้ผสมพันธุ์กันจนได้ลูกที่มีลักษณะเฉพาะออกมาให้เห็นอย่างปัจจุบัน เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โครงสร้างลำตัวใหญ่โต มีกล้ามเนื้อแข็งแรงเห็นชัดเจน อกใหญ่ ขาใหญ่ ยาวขนาดปานกลาง ใบหูขนาดกลางและขอบเป็นทรงกลมมน หัวรูปไข่แต่มีคางที่ค่อนข้างใหญ่ชัดเจน ดวงตาแมวพันธุ์นี้กลมโต ขอบตาด้านนอกด้านบนจะโค้งลงมา สีของตาเป็นสีเขียว

อันดับที่ 8 ได้แก่ ชอซี (Chausie) แมวที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธ์

อันดับที่ 7 ได้แก่ เทอร์คิชแองโกรา (Turkish Angora) เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศตุรกี ที่ได้รับ
ชื่อ Angora ต่อท้าย เนื่องจากเป็นแมวตุรกีขนยาวจากเมืองแองโกรานั่นเอง


อันดับที่ 6 ได้แก่ แร็กดอลล์ (Ragdoll ) แร็กดอลล์มีลักษณะเหมือนตุ๊กตาผ้า เวลาอุ้มขึ้นมาก็ทำตัวอ่อนเหมือน
ไม่มีกระดูก ขนบริเวณเอวแน่นฟู ที่สำคัญ แมวพันธุ์นี้คล้ายกับสวมถุงเท้าด้วยบริเวณเท้าจะด่างขาวดูเหมือนกับใส่ถุงเท้าอยู่ มีเสียงร้องที่เบามาก และเป็นแมวที่ชอบความเงียบ


อันดับที่ 5 ได้แก่ ทอยเกอร์ (Toyger) เป็น แมวสายพันธุ์ หนึ่งที่ได้รับการพัฒนาผสมข้ามสายพันธุ์โดย
Judy Sudgen แมว ทอยเกอร์ (Toyger) แมว ที่เหมือนเสือที่สุด


อันดับที่ 4 ได้แก่ เปอร์เซียน (Persian) เปอร์เซียน เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเปอร์เซีย หรืออิหร่าน
ถูกนำไปเลี้ยง ในประเทศต่าง ๆ ทั้งใน ยุโรปและอเมริกาเป็นเวลาเกือบร้อยปีมาแล้ว สำหรับประเทศไทยจัดเป็นแมวต่างประเทศ พันธุ์แรกที่ถูกนำมาเผยแพร่ เนื่องจากเป็นแมวที่มีอุปนิสัยอ่อนโยน สุขุมเข้ากับคนง่าย มี ความร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจงและมีไหวพริบ

อันดับที่ 3 ได้แก่ Ashera มีการผสมแมวพันธุ์ใหม่Asheraออกขาย ในราคาแพงลิบลิ่ว Ashera ราคาตัวละ
 เจ็ดแสนกว่า เมื่อคุณสั่งซื้อและจ่ายเงินเรียบร้อย ก็ต้องรอเขาผสม และส่งให้ ในเวลา 9 ถึง 12 เดือน หากต้องการเร็วเขาก็จะลัดคิวให้ แต่จะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก เกือบ 2 แสน เขาก็จะส่งถึงบ้านเลย สรุปแล้วตัวละเกือบล้านทีเดียว ทางผู้ผสมพันธุ์เขาตั้งเป้าไว้ แค่ปีละ 100 ตัวทั่วโลก แต่ให้เฉพาะในอเมริกาก็ 50 ตัวแล้ว ที่เหลือ เศรษฐีประเทศต่างๆต้องแย่งกันเอาเอง 


อันดับที่ 2 ได้แก่ The Sandcat เป็นแมวรูปร่างเล็กมีความยาวเกือบ 50 ซม. เติบโตในทะเลทราย สามารถ
อยู่รอดใน อุณหภูมิ ตั้งแต่ -5 องศา C (23 องศา F) 52 องศา C (126 องศา F)


อันดับที่ 1 ได้แก่ สก็อตทิช โฟลด์(Scottish Fold) เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดมาจากสกอตแลนด์ เป็นแมว
ขนาดกลาง ศีรษะกลม หูพับหรือตั้ง บางตัวหูจะพับเพียงครึ่งเดียว พับ 2 ส่วนหรือพับ 3 ส่วน จะมีทั้งขนสั้นและขนยาว ลักษณะของหัวเพศผู้จะมีลักษณะกลมโตกว่าหัวของตัวเมีย สำหรับอุปนิสัยจัดเป็นแมวที่มีความสุภาพ เรียบร้อย ไม่ซนอารมณ์ดี ขี้เล่น มีความกระตือรือร้น ชอบคลอเคลีย, ขี้อ้อนและขี้ประจบเจ้าของ


Credit :  http://www.toptenthailand.com/
 

8 วิธีการดูแล สุนัขให้อยู่ดี

8 วิธีการดูแล สุนัขให้อยู่ดี












"สุนัข" จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของ ทั้งในด้านการดูแลขน การอาบน้ำ การดูแลสภาพทั่วไปของหู ตา จมูกและเล็บเท้า รวมไปถึงการดูแลสุขภาพของเหงือกและฟัน ตลอดจนการออกกำลังกาย การได้รับอาหารที่ดี และการได้รับการตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์อย่างสม่ำเสมออีกด้วย

 วิธีการดูแล สุนัข...เบื้องต้นที่เราควรทราบง่าย ๆ ดังนี้

         1. ไม่ควรเลี้ยงลูกสุนัขไว้บนพื้นที่ลื่น เช่น พื้นกระเบื้อง หินอ่อนขัด เป็นต้น เพราะจะทำให้ขาสุนัขไม่สวย มันไม่สวยยังหรอ ขาจะแบะออกคล้ายๆกับว่ายืนได้ไม่มั่นคง

         2. ไม่ควรอาบน้ำให้ลูกสุนัขที่อายุยังไม่ถึง 3 เดือน ถ้ารู้สึกว่าสกปรกใช้ผ้าน้ำเช็ดขนข้างนอกก็พอ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ อาบน้ำแล้วให้รีบเช็ดและเป่าให้แห้ง เดี๋ยวสุนัขจะเป็นหวัด

         3. ระวัง! อย่าให้ลูกสุนัขมุดใต้กรง หรือใต้อะไรที่แข็งและเป็นคาน เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเข้าไปติด ถูกกดทับ หรือเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เส้นหลังเสียได้ (กระดูกสันหลังจะแอ่น)

         4. ควรดูแลรักษาปากและฟันของสุนัข อย่าให้กัดแทะของแข็งเกินไป เดี๋ยวฟันไม่แข็งแรง ควรหากระดูกเทียมให้สุนัขแทะเล่น เอากระดูกแบบสีขาวและมีฟลูออไรด์ด้วยจะได้ทำความสะอาดฟันสุนัขไปในตัว

         5. เมื่อสุนัขเริ่มเป็นหนุ่มเป็นสาว (อายุ 7-8 เดือน) อย่าเพิ่งรีบให้ผสมพันธุ์ เพราะสุนัขยังไม่โตเต็มที่ อาจทำให้หยุดการเจริญเติบโตและทำให้ตัวเล็ก แล้วก็อาจจะแท้งหรือให้ลูกที่ไม่สมบูรณ์

         6. เมื่อเริ่มโตสุนัขจะเริ่มมีขนร่วง ไม่ต้องแปลกใจเป็นธรรมชาติของสุนัขที่มีการเจริญเติบโต

         7. อาหารที่ใช้ควรเป็นอาหารเม็ด เพราะสะดวกรวดเร็ว ถ้าให้อาหารธรรมดา(ทำเอง) สุนัขจะเลือกกินแล้วจะไม่กินอาหารเม็ด อย่าให้แทะกระดูกจริงเพราะเดี๋ยวจะไปทิ่มเอากระเพาะสุนัขจะติดคอได้ง่าย

         8. การฉีดวัคซีนและถ่ายพยาธิ ควรทำตามตารางที่สัตวแพทย์แนะ

การดูแลสุนัข



ที่อยู่ที่นอน

สุนัขควรมีที่อยู่ที่นอนเป็นที่เป็นทางแลเป็นสัดเป็นส่วน อาจจะใช้ผ้าเก่า ๆ หรือเศษผ้านุ่ม ๆ หลายๆชั้น
ทำเป็นที่นอนขนาดเล็กใหญ่แล้วแต่ความเหมาะสม ส่วนการรรจะเลี้ยงดูสุนัขกกกไว้ในบ้านหรือไม่นั้นคงแล้วแต่
ความพร้อมของสมาชิกในครอบครัว ส่วนใหญ่แล้วหากมันยังเล็กอยู่ก็นิยมเลี้ยงไว่ในบ้านเพื่อคอยดูแล
และทำให้มันสนิทสนมกับคนในบ้านได้ง่าย แต่ต้องคอยดูแลเรื่องการขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง
หากมีบริเวณบ้านมากพอ ควรเลี้ยงไว้นออกบ้าน โดยสร้างกรงที่ขมีขมันความแข็งแรง กว้างขวางตามขนาดของสุนัข
ควรมีมุ้งกางให้สุนัขด้วย มีหลังคากันแดดกันฝนได้ และมีฝากันลมในทิศทางที่ถูกต้อง บริเวณที่ตั้งกรงควรเลือกเอา
ที่ร่ม ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่อับชื้น เวลากลางวันต้องมีแสงแดดส่องผ่านเข้าได้บ้างเพื่อฆ่าเชื้อโรค
และให้กรงแห้งพื้นกรงควรจะสะดวกในการทำความสะอาด ไม่เป็นที่หมักหมดของสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ
มีที่ระบายของเสียได้สะดวก 

                            

การตัดหาง

สุนัขบางพันธุ์นิยมตัดหาง ให้เหลือความยาวตามลักษณะในพันธุ์นั้นนิยม ซึ่งก็ควรตัดในขณะที่ยังมีอายยังน้อย ๆ อยู่
เพื่อที่จะไม่มีเลือดออกมามาก สุนัขไม่เจ็บปวด แผลหายเร็วและทำได้ง่ายโดยไม่ต้องวางยาสลบ ฉะนั้นสุนัขพันธุ์
ที่ต้องตัดหางหลังคลอดควรนำลูกสุนัขไปทำการตัดหางภาายในหนึ่งสัปดาห์หากจะตัดหางเอง
ต้องทำในระยะไม่เกิน 7 วันลังคลอด โดยการบูรป่าลิบขนบริเวณหางที่ต้องการตัดออกให้ถึงผิวหนัง
แล้วทำความสะอาดด้วยการใช้แอลกอฮอล์ หรือทิงเจอร์ไอโอดีน ทาให้ทั่ว ต่อจากนั้นก็รูดผิวหนังขึ้นมาทางโคนหาง
แล้วใช้เชือกหรือยางรัดไว้ให้แน่นตรงข้อที่ 2 ของกระดูกโคนหาง ใช้กรรไกรที่ฆ่าเชื้อแล้วตัดตรงระหว่างข้อ 
ของกระดูกที่จะตัด แล้วแต้มด้วยทิงเจอร์ไอโอดีน ทิ้งไว้ 4-5 ชั่วโมง จึงค่อยเอาเชือกหรือยางรัดออก
ปล่อยให้แผลหาย โดยมากผิวหนังของหางที่รูดขึ้นไปก็จะรูดลงมาเอง หรืออาจจะเย็บปิดก็ได้ถ้าต้องการ 

                             

การตัดหูสุนัขบางพันธุ์นิยมตัดหู เช่น บ็อกเซอร์, โดเบอร์แมน, มินิเจอร์ พินเซอร์ และเกรท เดน ซึ่งก็ควรทำการตัดหู
เมื่อลูกสุนัขอายุระหว่าง 12-14 สัปดาห์ เพราะขนาดโตพอที่จะทำการผาตัดได้ง่าย ทนต่อการวางยาสลบ 
หลังจากตัดแล้วหมอจะต้องดามหูไว้จนกว่าหูจะตั้งตรงตามต้องการ ซึ่งกินเวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ ระหว่างนี้เจ้าของจะต้องคอยดูและอยู่ให้สุนัขเกาแผลจนไไหมที่เย็บหลุด หรือแผลสกปรก เพราะจะทำให้รูปทรงของหูไม่เป็นไปตามต้องการ

                             

การอาบน้ำ

สุนัขก็เหมือนคนที่จะต้องดูแลรักษาความสะอาดและตกแต่งให้ดูสวย น่ารักอยู่เสมอ เนื่องมาจากมันไม่สามารถจะทำความสะอาดและเสริมสวยให้ กับตนเองได้ ผู้เลี้ยงจึงจะต้องทำหน้าที่ สนใจในตัวของมันเสมือนหนึ่งเป็นตัวของมันเองเลยทีเดียว 
การอาบน้ำต้องใช้แชมพู และสบู่ควบคู่ไปด้วย ควรเลือกซื้อแชมพูหรือไม่ก็สบู่ที่ผลิตขึ้น
สำหรับใช้กับสุนัขเท่านั้น อย่านำแชมพูหรือสบู่ของคนมาใช้กับสุนัขโดยเด็ดขาด เพราะผิวหนังของสุนัขบางชนิดบอบบางมาก หากอาบน้ำด้วยแชมพูหรือสบู่ของคน จะทำให้มีปัญหาเรื่องขนแห้ง หยาบ และมีสะเก็ดรังแคขึ้นบนผิวหนัง บางตัวเป็นหนักถึงอาจจะขนร่วงไปเลยก็มี
         ปัจจุบันแชมพูสุนัขมีให้เลือกหลายสูตร มีทั้งแบบผสมครีมในตัว ประเภททูอินวัน หรือทรีอินวัน ชนิดที่มีสารฆ่าเห็บ ฆ่าหมัด เยอะแยะมากมายไปหมด ก่อนซื้อควรอ่านดูฉลากข้างขวดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณ
สมบัติอะไรบ้าง บรรจุเท่าใด หมดอายุวันไหน แล้วจึงเลือกซื้อมาใช้ให้ถูกกับลูกสุนัขของเรา


 :: วิธีอาบน้ำให้สุนัข :: 
อุปกรณ์ต้องเตรียม คือ แชมพูสำหรับสุนัข ผ้าเช็ดตัว อ่างน้ำ หรือสายยาง ที่ต่อจากก๊อกน้ำ เครื่องเป่าผม

ขั้นตอนการอาบน้ำให้สุนัขทำได้ดังนี้ คือ

 จับสุนัขให้อยู่ในอ่างนิ่งๆ โดยการจับที่ปลอกคอ เป็นไปได้ควรอุดหู
ทั้งสองข้าง ของสุนัขด้วยสำลีเพื่อป้องกันมิให้น้ำเข้าหู แล้วจึงค่อยเทน้ำลง
บนตัวสุนัขให้ทั่วทั้งตัว 





ใช้แชมพูสุนัขเทลงบนตัวสุนัข แล้วจึงใช้มือถูนวดแชมพูให้ทั่วใน
ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งยังจับปลอกคอสุนัขอยู่เพื่อจะให้มันอยู่นิ่งๆ





ล้างแชมพูที่ส่วนหัวของลูกสุนัขก่อน จากนั้นจึงล้างแชมพูที่ลำตัวให้
สะอาด แล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้งทั้งตัว






เอาสำลีที่อุดหูออก แล้วเป่าขนให้แห้ง พร้อมกับแปรงขนให้ได้รูป
ทรงตามที่ต้องการ






       เทคนิคการหวีและแปรงขนสุนัข
การแปรงขนสุนัขทุกวันจะทำให้สุนัขมีสุขภาพดี ขนเป็นเงางาม ไม่มีสิ่งสกปรกหมักหมมอยู่ ในขนสุนัข พันธุ์ขนยาว เช่น อาฟกัน ฮาวด์ ชิสุ ควรหวี ทุกวัน ส่วนสุนัขพันธุ์ขนสั้น เช่น บลูด็อก เกรดเดน แปรงขนเพียง
2-3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ก็พอ ส่วนสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลต้องใช้การตัดแต่งขน จะหวีให้ตรงแบบสุนัขพันธุ์อื่นไม่ได้
       
:: การหวีขนสุนัขพันธุ์ขนสั้น
อุปกรณ์ที่ใช้มีแปรงบิสเทิล แปรงหวีสลิดเกอร์ หวีตรง ขั้นตอนการหวี มีดังนี้
     - ใช้หวีแปรงสลิดเกอร์หวีก่อน เพื่อจำกัดเอาขนที่พันออกไม่ให้เกิดก้อน สังกะตัง ออกแรงหวีเพียง             เบาๆนุ่มๆ หวียาวๆ จากคอถึงลำตัวทำเช่นนี้ทั่วตัว
     - ใช้หวีบิสเทิลแปรง เพื่อเอาขนที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกให้หลุดออกจากขนของสุนัขทั้งตัว
     - ใช้หวีตรง หวีบริเวณที่ยาว เช่น ส่วนของหาง เท้า ขา ถ้าพบว่าขนพันกันให้ใช้กรรไกรตัดออก         สุนัขจะได้ไม่เจ็บ

:: การหวีขนสุนัขที่สั้นเกรียน
อุปกรณ์ที่ใช้มี แปรงรับเบอร์ หนังชามัวร์ แปรงบิสเทิล
     - ใช้แปรงรับเบอร์ เพื่อแปรงย้อนขนสุนัขจะทำให้ขนตาย และสะเก็ด ผิวหนัง สิ่งสกปรกหลุดออกโดยง่าย
     - ใช้แปรงบิสเทิล แปรงขนตัวสุนัขอีกครั้งให้ทั่วทั้งตัว เพื่อเอาขนที่ตายและสะเก็ดออก
     - เช็คขนสุนัขด้วยหนังชามัวร์ เพื่อให้ขนเป็นมันเงางาม

:: การหวีขนสุนัขที่ขนตรงยาว
อุปกรณ์ที่ใช้มีแปรงสลิดเกอร์ แปรงบิสเทิล หวีตรง กรรไกร
     - ใช้แปรงสลิดเกอร์หวีขนก่อน เพื่อทำให้ขนที่พันกันอยู่คลายตัวออก
     - ใช้แปรงบิสเทิลหวีตามอีกครั้ง เพื่อทำให้ขนมันเงา และหวีง่ายขี้นไปอีก
     - ใช้หวีตรง หวีจัดให้ขนของสุนัขตกลงไปข้างลำตัว ด้านซ้ายและด้านขวาตามแนวขน
     - ใช้กรรไกรตัดแต่งบริเวณเท้าและหู เพื่อให้เป็นระเบียบเรียบร้อยดูสวยงาม

                             



 การดูแลหู

หูมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง สุนัขที่มีหูปกติจะต้องมีสีชมพูเรื่อๆ สะอาด ไม่มีกลิ่นผิดปกติ หูควรสะอาดไม่มีขี้หูมากจนเกินไป ไม่มีเห็บ หรือหมัด ไม่เป็นแผล หนอง สุนัขบางพันธุ์รวมทั้งพวกพุดเดิ้ล มักมีขนขึ้นที่บริเวณช่องหู ขนเหล่านี้จะเป็นตัวเพาะเชื้อโรค และหมักหมมส่งสกปรกทั้งหลายได้เป็นอย่างดี พวกหูยานก็เก็บสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ง่ายจึงต้องหมั่นเอาใจใส่เช็ดถูสิ่งสกปรกในช่องหูออกให้หมด พวกหูตั้งนี้รักษาง่าย เพราะช่องหูสามารถถ่ายเทกับอากาศภายนอกได้โดยธรรมชาติ ฉะนั้นสิ่งสกปรกต่าง ๆ จึงไม่สามารถหมักหมมจนเกิดโรคได้มากนัก ถ้าหูสุนัขสกปรกมากก็ควรใช้สำลีหรือผ้านุ่มๆ เช็ดบริเวณใบหูและรูหูส่วนนอก ๆ เป็นประจำทางที่ดีหลังการอาบน้ำ เพราะสามารถตรวจสอบว่ามีน้ำหลงเหลือเข้าไปในรูหูหรือไม่ ถ้ามีจะได้เช็ดออกให้แห้ง เป็นการป้องกันหูอักเสบได้ด้วย แต่อย่าได้พยายามทำความสะอาดลึกเข้าไปในรูหูเป็นอันขาด บริเวณอ่อนไหวดังกล่าวควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแพทย์ 

                            

การดูแลตา

ตาของสุนัขที่มีสุขภาพดีจะมีแววตาแจ่มใส ไม่ขุ่นมัวหรือมีสีแดง หรือมีขี้ตา รวมทั้งน้ำตาไหลเป็นคราบอยู่เสมอก็แสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติเข้าตา ถ้าเป็นโรคตาอักเสบธรรมดาเพราะผงเข้าตา ก็ควรใช้น้ำยาล้างตา 4-5 หยด ใส่เพื่อให้สิ่งสกปรกออกก่อน แล้วใช้ผ้าที่สะอาดเช็ดเบา ๆ รอบ ๆ ขอบตาออกได้ ถ้าเป็นมากกว่านี้ควรจะนำไปพบสัตวแพทย์สุนัขบางพันธุ์ เช่น พวกพุดเดิ้ล มักมีรอยด่างสีน้ำตาลที่ขนใต้ตาเสมอ ที่เป็นเช่นนี้เพราะขนบริเวณนั้นเปียกแฉะเนื่องจากหยาดน้ำตาของสุนัข คราบน้ำตานี้จะติดแน่นที่หัวตาย้อยลงมา การกำจัดรอยด่างนี้ทำได้โดยการหมั่นเช็ดถูให้บ่อยๆครั้งทุกวัน เพื่อให้ขนที่ติดคราบน้ำตานี้ค่อย ๆหลุดร่วงหมดไปสุนัขบางตัวตาแฉะ อาจจะเป็นเพราะขนตาขึ้นผิดปกติ แยงเข้าไปในลูกตา การรักษาอาการนี้ควรเป็นหน้าที่ของสัตวแพทย์ 

                             


 การดูแลฟัน 

โดยปกติแล้วสุนัขฟันผุได้ยากมาก แต่ที่เห็นบ่อยคือ เหงือกอักเสบ เกิดจากฟันสุนัขไม่สะอาด ขี้ฟันหมักหมมจนจับเป็นคราบสีเหลืองเกาะติดที่ผิวฟัน คือ หินปูนนั่นเอง บางทีหินปูนมีมากและลุกลามไปจนถึงเงือก ทำให้เหงือกอักเสบ มีกลิ่นปาก จนกระทั่งฟันหลุดไปในที่สุดวิธีป้องกันการจับตัวของหินปูน ควรให้สุนัขกินอาหารสำเร็จรูปที่เป็นเม็ดแห้ง หรือให้แทะกระดูกเสียบ้างเพื่อขัดฟัน แต่ถ้าจะให้ดีจริงๆ ควรให้สัตวแพทย์ตรวจฟันทุกปี สุนัขบางพันธุ์ก็มีการจัดเรียงตัวของฟันที่แย่มาก มีเหงือกเป็นหนองและฟันหลุดเสมอการให้แทะกระดูกไม่อาจช่วยได้เลย พวกนี้ต้องตรวจฟัน และทำความสะอาดเสมอโดยสัตวแพทย์ 

                            


 การดูแลเล็บ

เล็บสุนัขจะงอกจิกลงดิน มันจะสึกไปเองโดยธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นสุนัขที่เลี้ยงบนพื้นไม้หรือพื้นซีเมนต์ มักจะพบปัญหาเล็บไม่สึก มีเล็บยาวเร็วกว่าปกติทำให้เดินไม่สะดวก และเมื่อทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้นิ้วคด หรือแยกห่างออกจากกัน บางทีก็ถอนหรือฉีกแตกจนเกิดหนองได้ จะทำให้สุนัขเจ็บปวดมากเวลาเดิน ฉะนั้นจึงต้องหมั่นตรวจดูแลตัดเล็บเท้าให้สั้นอยู่เสมอการตัดเล็บสุนัขควรใช้กรรไกรสำหรับการตัดโดยเฉพาะ จะทำได้โดยง่ายและปลอดภัย ได้รอยตัดที่กลมโค้ง การตัดควรตัดที่ปลายเพียงเล็กน้อย ระวังอย่าตัดให้ถูกปลายประสาทสีชมพูในเล๋บได้สุนัขที่มีเล็บดำไม่สามารถมองเห็นปลายประสาทนี้ได้ ฉะนั้นตัดเล็บจึงทำได้แค่คลิบปลายเพียงเล็กน้อย หรือตัดตรงตำแหน่งต่ำจากบริเวณที่มีเลือดมาเลี้ยงสัก 3มิลลิเมตร การตัดเล็บควรทำทุกเดือน โดยหลังการอาบน้ำ เพราะเล็บที่เปียกน้ำจะอ่อนตัดง่ายกว่าธรรมดา